

ว่านหางช้าง
ชื่อสามัญ : Blackberry Lily, Leopard Lily (Leopard Flower)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Iris domestica (L.) Goldblatt & Mabb.
ชื่อวงค์ : ว่านแม่ยับ (IRIDACEAE)
ชื่ออื่น : ว่านมีดยับ ว่านแม่ยับ (ภาคเหนือ), ตื่นเจะ (ม้ง), ว่านพัดแม่ชีม, เชื่อกัง (จีน) เป็นต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ล้มลุกสูง 0.6-1.2 เมตร ควรปลูกในที่โล่งแจ้ง หรือกลางแดดจ้าทั้งวัน จะทำให้ลำต้นแข็งแรง
ลำต้น : มีลำต้นอยู่ใต้ดิน
ราก : มีรากมาก มีเหง้าเลื้อยไปตามแนวขนานกับพื้นดิน
ใบ : ใบเป็นใบเดี่ยว แทงขึ้นมาจากเหง้า ใบมักจะออกหนาแน่นตรงโคนของลำต้น เรียงสลับซ้ายขวาในระนาบเดียวกัน ใบที่อยู่ส่วนบนของลำต้นจะมีขนาดเล็กกว่าและเรียงกันห่าง ๆ ใบมีลักษณะเป็นรูปดาบ ความกว้างของใบประมาณ 2-4.5 เซนติเมตร และยาวประมาณ 20-60 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบเป็นกาบ ขอบใบเรียบ เนื้อใบค่อนข้างหนา
ดอก : ออกดอกเป็นช่อตามปลายยอด แกนช่อแตกแขนงดอกออกที่ปลายแขนง 6-12 ดอก ก้านดอกมีความยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร อาจตรงหรือโค้งเล็กน้อย เมื่อดอกร่วงก้านดอกยังคงอยู่ ส่วนกลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเล็กน้อย ปลายแยกเป็นกลีบลักษณะรูปขอบขนาน 6 กลีบ ยาวประมาณ 2.5-3.5 เซนติเมตร เรียงกันเป็น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ โดยกลีบชั้นในจะมีขนาดเล็กกว่ากลีบชั้นนอกเล็กน้อย เมื่อดอกบานกลีบดอกจะกางออก โคนกลีบมีลักษณะสอบแคบจนเป็นก้าน ด้านนอกมีสีเหลือง ส่วนด้านในและขอบกลีบมีสีส้ม มีจุดประสีแดงเข้ม ๆ กลีบชั้นนอกจะมีต่อม เป็นร่องยาว 1 ต่อม มีสีแดงเข้ม ดอกมีเกสรตัวผู้ 3 อัน ก้านเกสรไม่ติดกัน อับเรณูเป็นรูปยาวแคบ รังไข่เป็นพู 3 พู รูปยาวปลายใหญ่กว่าโคน เกลี้ยง ส่วนเกสรตัวเมียจะยาวโค้ง แต่จะสั้นกว่ากลีบดอก ที่ปลายเกสรตัวเมียมี 3 อัน ติดกัน
ผล : ผลมีลักษณะเป็นรูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ เป็นพูลึก 3 พู เปลือกผลบาง ผลเมื่อแก่จะแตกอ้าออกเป็น 3 เสี่ยง มีเมล็ดอยู่พูละ 3-8 เมล็ด
เมล็ด : เมล็ดมีลักษณะกลม มีสีดำและผิวเป็นมัน มีขนานเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5 มิลลิเมตร
ขยายพันธุ์ : ด้วยวิธีการแยกหน่อ
ประโยชน์ :
เนื่องจากต้นว่านหางช้างมีความโดดเด่นสวยงาม มีลำต้นที่สูงยาวสีเหลืองเปรียบเสมือน
ทอง จึงนิยมใช้ปลูกเป็นไม้ประดับ และมีความเชื่อว่าจะช่วยเสริมโชคลาภ ความสง่างาม เสริมสง่าราศีให้แก่เจ้าบ้าน และยังใช้เพื่อช่วยปรับฮวงจุ้ยตามหลักความเชื่อของชาวจีนอีกด้วย ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เชื่อว่าว่านหางช้างเป็นว่านมหาคุณ เมื่อนำมาปลูกไว้หน้าบ้านจะช่วยป้องกันสิ่งอัปมงคลเข้าบ้าน ช่วยป้องกันภัยจากอันตรายต่าง ๆ ส่วนทางภาคอีสานเชื่อว่าเป็นว่านสิริมงคล หากแม่บ้านกำลังจะคลอดบุตร ให้ใช้ว่านหางช้างมาพัดโบกที่ท้องก็จะช่วยทำให้คลอดบุตรได้ง่ายขึ้น และยังถูกนำมาใช้ในด้านคุณไสยได้อีกด้วย โดยใช้ดอกแก้ไสยคุณที่เกิดจากการกระทำจากผม ส่วนใบใช้แก้ไสยคุณอันเกิดจากการกระทำจากเนื้อ ส่วนต้นใช้แก้ไสยคุณอันเกิดจากการกระทำจากกระดูก
1. เนื้อในของลำต้นใช้เป็นยาบำรุงธาตุ ช่วยทำให้เจริญอาหาร (เนื้อในของลำต้น, เหง้า)
2. เหง้าใช้เป็นยาแก้ไข้ (เหง้า)
3. ช่วยรักษาอาการไอหรืออาการหอบหืด ด้วยการใช้เหง้าแห้งประมาณ 6 กรัม, ขิงแห้ง 3 กรัม, ลูกพรุนจีน 4 ผล, มั่วอึ้งแห้ง 3 กรัม, โส่ยชินแห้ง 2 กรัม, โงวบี่จี้แห้ง 2 กรัม, จี่อ้วงแห้ง 10 กรัม, จี้ปั้วแห่แห้ง 10 กรัม, และค่วงตังฮวยแห้ง 6 กรัม, นำทั้งหมดมาต้มรวมกัน แล้วเอาแต่น้ำที่ได้มากิน (เหง้า)[3],[6]
4. รากหรือเหง้าสดช่วยแก้อาการเจ็บคอ โดยให้ใช้รากหรือเหง้าสดประมาณ 5-10 กรัม (ถ้าเป็นแห้งให้ใช้ 3-6 กรัม) นำมาต้มกับน้ำรับประทาน หรือจะใช้เหง้าสดประมาณ 15 กรัม ผสมกับน้ำส้มสายชู นำมาตำคั้นเอาแต่น้ำชุบสำลีอมแล้วกลืนแต่น้ำช้า ๆ (เหง้า)[1],[3]
5. เหง้ามีสรรพคุณเป็นยาขับเสมหะ (เหง้า)
6. ช่วยบำบัดโรคต่อมทอนซิลอักเสบ (เนื้อในลำต้น)
7. ช่วยรักษาโรคคางทูม ด้วยการใช้เหง้าสดประมาณ 10-15 กรัม นำไปต้มน้ำกินหลังอาหารวันละ 2 เวลา (เหง้า)
8. ทั้งต้นนำมาต้มน้ำดื่ม ช่วยแก้อาการท้องผูก อาหารไม่ย่อยได้ (ทั้งต้น)
9. ช่วยรักษาอาการท้องมาน ด้วยการใช้เหง้าสดนำมาคั้นเอาแต่น้ำกินบ่อย ๆ (เหง้า)
10. ใบใช้เป็นยาระบายอุจจาระ ด้วยการใช้ใบว่านหางช้าง 3 ใบ นำมาปรุงเป็นยาต้มรับประทาน (ใบ) เนื้อในของลำต้นใช้เป็นยาถ่าย (เนื้อในของลำต้น, เหง้า)
11. ช่วยแก้ระดูพิการ ประจำเดือนไม่ปกติของสตรีได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ใบ 3 ใบ นำมาปรุงเป็นยาต้มรับประทาน (ใบ, เนื้อในของลำต้น, เหง้า)
12. ช่วยรักษาผดผื่นคันมีน้ำเหลืองที่ขาเนื่องจากการทำยา โดยใช้เหง้าแห้งใส่น้ำต้มจนเดือดผสมเกลือแกงเล็กน้อย แล้วนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น (เหง้า)
13. ช่วยรักษาฝีประคำร้อย ด้วยการใช้เหง้าแห้ง แห่โกวเช่าแห้ง เหลี่ยงเคี้ยว อย่างละเท่า ๆ กัน นำมาบดเป็นผง ใช้ผสมทำเป็นยาเม็ดไว้รับประทานหลังอาหารครั้งละ 3 กรัม (เหง้า)
14. ช่วยรักษาฝีที่เต้านมบวมมีหนองในระยะเริ่มแรก ด้วยการใช้เหง้าแห้ง 1 เหง้าและรากดอกไม้จีนประมาณ 10 กรัม นำมาบดรวมกันให้เป็นผง แล้วใช้ผสมกับน้ำผึ้งกิน (เหง้า)