

มะม่วงเบา
ชื่อสามัญ : Mango
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Mangifera indica L.Var.
ชื่อวงศ์ : ANACARDIACEAE
ชื่ออื่น : ม่วงเบา มะม่วง
มะม่วงชนิดนี้เป็นพันธุ์พื้นเมืองในภาคใต้ มีถิ่นกำเนิดจากมาเลเซียและภาคใต้ของไทย นิยมปลูกและกินมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปลูกมากแถบจังหวัดนครศรีธรรมราชต่อเนื่องจนถึงจังหวัดยะลาโดย ออกผลมากที่สุดในเดือนเมษายนของทุกปี แต่เป็นระยะสั้น มีรสเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์แตกต่างจากรสเปรี้ยวของผลไม้ชนิดอื่นๆ หากเป็นสายพันธุ์แท้ รสชาติจะกลมกล่อมหอมยิ่งขึ้น นิยมกินทั้งเปลือกหรือปลอกบางๆ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง สูง 5-10 ม. ขนาด ทรงพุ่ม 3-6 ม. ไม่ผลัดใบ ทรงพุ่มกลม แตกกิ่งในระดับต่ำ เปลือกต้นสีน้ำตาลอมเหลือง เปลือกเรียบแตกเป็นร่องตื้นตามแนวยาว
ใบ : ใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามสลับตั้งฉาก รูปรีแกมรูปใบหอก กว้าง 5-7 ซม. ยาว 15-25 ซม. ปลายใบติ่งแหลมอ่อนโคนใบแหลม ขอบใบ เรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย แผ่นใบบางแต่ค่อนข้างเหนียวและย่นเป็นลอน สีเขียวสดเป็นมันใบอ่อนสีม่วงแดงหรือสีม่วงอมฟ้า ก้านใบยาว 2-4 ซม.
ดอก: สีเขียวอมเหลือง ออกเป็นช่อแบบช่อแยกแขนงที่ปลายกิ่ง ช่อดอกตั้ง ยาว 20-30 ซม. กลีบเลี้ยง 5 กลีบ รูปไข่ สีเขียวอ่อน เชื่อมติดกับฐานรองดอก กลีบดอก 5 กลีบ รูปขอบขนานหรือรูปไข่กลับ เกสรเพศผู้ 10 อัน เส้นผ่านศูนย์กลางดอก 0.5-0.7 ซม.
ผล : ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียวทรงกลมแบนฐานผลกว้างแล้วสอบที่ปลายผล ปลายผลมน กว้าง 3.5-4 ซม. ยาว 4.5-5.5 ซม. เปลือกผล เรียบเกลี้ยงเป็นมัน สีเขียวสด เมื่อสุกสีเหลืองอมเขียว
เมล็ด : มีเปลือกหุ้มเมล็ด หนาแข็ง ผิวมีเส้นใย รสเปรี้ยวอมหวาน เมล็ดคล้ายรูปไต สีน้ำตาลอมเหลืองขนาดใหญ่ ออกดอกติดผลตลอดปี ออกดอกมากเดือน ม.ค.-พ.ค. ขยายพันธุ์โดยการเพาะเมล็ด
ประโยชน์ :
ภาคใต้นิยมใช้ผลดิบมาเป็นอาหารมากกว่าการใช้ประโยชน์จากผลสุกโดยนิยมนำมาแกงส้ม ยำต่างๆ ทำส้มตำมะม่วง น้ำปลาหวาน หรือแปรรูปในลักษณะแช่อิ่ม
ด้านการดูแลสุขภาพ แก้อาการวิงเวียนศีรษะ แก้โรคเลือดออกตามไรฟัน ขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย